
ระยะทาง 32 กิโลเมตร จากที่ทำการอุทยานแม่ฝาง หรือดอยผ้าห่มปก เล่นเอาพวกเราสะบักสะบอมเลย เพราะทางที่ผ่านมาเป็นดินลูกรัง ข้ามดอยแล้วดอยเล่าก็ยังไม่ถึง พระอาทิตย์ก็เริ่มลับขอบฟ้าลงเรื่อยๆ จนแสงลับขอบฟ้าลงพร้อมๆ กับความมืดที่คืบคลานเข้ามาปกคลุม แต่ยังดีที่พวกเรามาทันเห็นแสงสุดท้ายที่จุดชมวิวก่อนที่มันจะหายไป อีกไม่ไกลแล้วพวกเราก็ถึงที่หมายนั่นคือ กิ่วลม ที่พักสุดท้ายก่อนจะต้องเดินขึ้นยอดดอยผ้าห่มปกอีกเกือบสามกิโลเมตร พวกเรารีบกางเต็นท์หลังจากเลือกทำเลได้เพราะน้ำค้างเรื่มลงหนักแล้ว


กินอิ่มแล้วก็นอนพักเอาแรง อากาศเย็นสบายจนหลับสนิท มาตื่นชวนกันไปเดินเล่นถ่ายรูปเอาตอนเกือบห้าโมงเย็น และรอดูพระอาทิตย์ตก หมอกเริ่มหนาขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับแสงของวันที่ลดน้อยลงจนมืดสนิท คืนนี้มีย่างเนื้อหมู และปลาหมึกแห้ง กินหอมตลบไปทั่วดอยเลย คืนนี้คนมาพักเยอะกว่าคืนก่อนมากนัก จนเกือบไม่มีที่พอ ส่วนน้ำในห้องน้ำก็ยังเย็นยะเยือกเหมือนเดิมเล่นเอาบางส่วนของร่างกายที่โดย น้ำชาเหมือนโดนอะไรแทง...บื๋อ++

ย้อนลงมาที่ อ.เชียงดาว วิ่งรถเลาะข้างๆ ดอยหลวงเชียงดาวไปพร้อมกับมองแสงสีส้มแดงส่องกระทบยอดดอยที่มีหมอกปกคลุม บางๆ เป็นภาพที่น้อยครั้งจะได้พบเห็น ป่าเกี๊ยะ หรือชื่อใหม่ที่เรียกกันว่า ดอยแม่ตะมาน จะมองเห็นยอดดอยหลวงเชียงดาวได้ชัดเจน ผมเลือกกางเต็นท์ที่ริมหน้าผาแม้ว่าลมจะแรงสักหน่อย ต้องยึดไว้ดีๆ ไม่อย่างนั้นเห็นทีอาจจะต้องวิ่งไล่จับเต็นท์กันล่ะ ยามเช้าตื่นขึ้นมารู้สึกเสียใจเล็กน้อยเพราะไม่ได้เห็นทะเลหมอกสมใจนัก แต่บรรยากาศโดยรวมก็วิเศษแล้วเหมาะกับการนั่งคุย หรืออ่านหนังสือ มีบางกลุ่มเดินถือกล้องไปตามทางที่รถขึ้นมาส่องหานกที่ได้ยินเสียงร้องระงม ขากลับผ่านหมู่บ้านม้งที่จอดรถบรรทุกส้มเต็มคันรถ เลยแวะถามราคาดู พูดไม่ชัดเจน แต่พวกเราก็ซื้อมากระบะหนึ่ง รสชาติหวานจริง.....รู้สึกว่าทริปนี้จะกินส้มเป็นอาหารหลักเลย

No comments:
Post a Comment